ประกาศ! ห้ามใช้ฟอนต์ DB ผ่าน AI โดยไม่ซื้อ... อ่านรายละเอียด
DB Seri

คําว่า Sans เป็นภาษาละตินแปลว่าไม่. ฟอนท์กลุ่มที่ไม่มี Serif จึงนิยมเรียกว่าพวก sans serif หรืออาจเรียก Gothic คละๆ กันไป เช่น Gill Sans, Franklin Gothic หรือ Serif Gothic เป็นต้น. Franklin Gothic นั้นยังคงรักษาเค้าโครงของเส้นแบบหนักเบาแบบฟอนท์กลุ่ม Serif ยุคเก่าไว้ เพียงแต่ไม่หลงเหลือ Serif ไว้ให้เห็นแม้ปลายเล็บ. ในทางตรงกันข้าม Serif Gothic กลับรีดเส้นให้มีน้ําหนักสม่ำเสมอกัน และปล่อยเค้าโครงของ Serif ไว้ให้เห็นเพียงปลายเล็บ! (ชื่อฟอนท์ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Gothic ที่มีความเป็น Serif หลงเหลืออยู่).

Serif Gothic เป็นผลงานของ Herb Lubalin และ Tony DiSpagna (ระหว่าง ค.ศ. 1972-4) จุดเด่นของมันอยู่ตรงรอยต่อระหว่างเส้นโค้งแนวนอน (ทั้งบนล่าง) กับเส้นตรงแนวตั้ง จะสังเกตเห็นได้ว่าเส้นจะบิดตัวออกเล็กน้อย เกิดเป็นจะงอยเล็กๆ ดูพริ้วไหว กลมกลืนกับ Serif เล็กๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทําให้ดูหรูเลิศกว่าฟอนต์ ประเภท Gothic หรือ Sans Serif ทั่วไป. พิจารณาให้ดีแล้วมันก็คือ Serif ที่ลดรูปลงไปเช่นกัน.

ในการออกแบบฟอนท์ไทยเสมือน Serif Gothic ค่อนข้างไหลลื่น. ช่วงของการร่างใช้เวลาน้อยมาก อาจเป็นเพราะอารมณ์ของเส้นต้นแบบมันพาไปก็เป็นได้. ผมให้นิยามรูปอักษรทั้งชุดว่าเป็นการเอาความเรียบง่ายมาใส่จริต.

เริ่มจากตัว ก เพียงแต่เอาตัว n ของต้นแบบมาเพิ่มจะงอยให้ชัดๆ. ปัญหาสําคัญคือการตัดสินใจว่า จะให้จะงอยอยู่ด้านไหนของตัวอักษร เช่น ตัว บ, ค และ ด เป็นต้น. ตัว บ ได้จากการพลิกกลับด้าน ตัว u มาใช้ เพื่อให้มันดูแตกต่างจาก u ชัดเจน. ตัว ค เลือกให้ จะงอยอยู่ด้านซ้ายเหมือนตัว n เพื่อให้สอดคล้องกับการเขียนตัว ค แบบบรรจงที่นิยมให้เส้นโค้งบนโป่งทางซ้าย (เพื่อหลบหัว) มากกว่าขวา. ส่วนตัว ด ที่เป็นแบบหัวลดรูปให้ดูเรียบง่ายนั้น เลือกให้จะงอยอยู่ทางขวาแทนเพื่อเลี่ยงไม่ให้มันดูสับสนกับ ถ.

ตัว ข ผมเลือกใช้โค้งแบบตัว s กลับด้านทําเป็นส่วนหัวเพื่อจะได้ใส่จริตเป็นจะงอยเล็กๆ ที่เส้นหลังได้. ส่วนตัว ช ถ้าเอาตัว ข มาต่อหยักหางจะดูรุงรังเรื่องมากเกิน (คือมีทั้งโค้ง ทั้งจะงอย ทั้งหยัก) เลยงัดเอา ช แบบเส้นหน้าตรงๆ เล่นจะงอยด้านหน้าแทนซึ่งดูเรียบร้อยกว่า.

ตัว ม ได้จากการเอาตัว u มาเพิ่มขมวดม้วนให้งอโค้งออกมา นอกจากจะช่วยสร้างสมดุลกับจะงอยที่เส้นหลังแล้ว ยังช่วยให้สังเกตขมวดม้วนแบบลดรูปของ ม ตัวนี้ได้ชัด ซึ่งช่วยให้มันอ่านง่าย. เมื่อพลิก ม ในแนวนอนจะได้ น พลิกแนวตั้งจะได้ ท ทําให้ได้ น ที่แตกต่างจาก บ, ม และ ท ที่แตกต่างจาก ก อย่างชัดเจน. ขมวดโค้งๆ ของตัว น ถูกถ่ายทอดพันธุกรรมลามไปเป็นหาง ศ, ส, ฮ.

กลุ่มอักษรคล้าย ก ทั้ง ฌ ญ ฎ ฏ ณ ละหัวได้ เพราะไม่ไปสับสนกับตัวไหนอยู่แล้ว รวมทั้งตัว ง และ สระหน้าทุกตัวก็ละหัวไปด้วย.

ตัว อ, ฮ และ ว เลือกใช้ทรงกลมกว้างเพื่อเพิ่มความเปรียบต่างกับเส้นโค้งบนล่างของตัวอักษรโดยทั่วไปที่แคบกว่า.

นอกจากเส้นเฉียงสั้นๆ ของหางตัว ช ซ และ ขมวดม้วนของตัว ห แล้ว ยังเลือกใช้ตัว พ (ฟ, ฬ) แบบตัว w เพื่อเพิ่มความแตกต่างของฟอร์มให้อักษรทั้งชุดดูน่าสนใจ อีกทั้ง พ แบบนี้ยังดูแยกแยะออกจาก ผ (ซึ่งกลับด้านมาจากตัว ต) ได้ชัดเจนไม่สับสน.

การตัดปลายเส้นโค้งบนล่างตามแนวดิ่งนั้นพบอยู่มากใน Serif Gothic เดิม เช่น Cc, Gg และ Ss เป็นต้น. ส่วนในภาษาไทย ทั้งพวกขมวดม้วน ม, น และหัว ถ, ภ ล้วนเป็นการตัดแนวเฉียง (ตามความหนาเส้น) จะคงการตัดแนวดิ่งไว้น้อยมาก. ดังนั้นจึงต้องย้อนกลับไปแก้ไขการตัดปลายแนวดิ่งของ Serif Gothic ดังกล่าวโดยเปลี่ยนเป็นแนวตัดเฉียงให้ได้ชุดอักษรโรมันใหม่ที่กลมกลืนกับชุดภาษาไทย. เพียงการลดทอนความแหลมอันเกิดจากการตัดปลายแนวดิ่งลง ก็สามารถช่วยให้ฟอนต์ทั้งชุดดูเรียบง่ายไม่พะรุงพะรังเกินไปเมื่อใช้เป็น Subhead เล็กๆ ขณะเดียวกันก็หรูหราละเมียดละไม เมื่อใช้เป็น Headline ในขนาดโตพอควรจนเห็น "จะงอย" และ Serif ปลายเล็บที่ตกทอดมาจากตัวต้นแบบ.

ผมนําชื่อ Serif Gothic มาตัดทิ้งเหลือ DB Seri เป็นนัยยะว่ายังคงมี Serif แบบไม่ชัดแจ้งแฝงตัวอยู่. อีกทั้งยังอ่านออกเสียงเป็นไทยได้ว่า "เสรี" ตรงตามประโยชน์ใช้สอยที่กว้างขวางของมัน เพราะมันมีช่องไฟค่อนข้างหลวมแถมอ่านง่าย. จะใช้เป็นตัวโปรยเล็กๆ ดูธรรมดาๆ ก็ได้ หรือจะใช้พาดหัวอวดความหรูก็ได้เช่นกัน. เมื่อใช้กับงานสื่อกลางแจ้งที่ผู้อ่านมีโอกาสเดินเข้าหา ดูไกลๆ ก็เหมือนจะธรรมดา พอเข้าใกล้ยิ่งดูละเอียดเข้าตามีระดับ.

เล็กๆ ไกลๆ ดูธรรมดา, ใหญ่ๆ ใกล้ตา ดูมีระดับ ครับ.

เอกสารอ้างอิง :
Rewis Blackwell; 20th-Century Type, 2004.

จากคอลัมน์ a font a month
idesign magazine ฉบับ October 2010